วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบปลิว

เคยสังเกตกันไหมว่า ปัจจุบันนี้ ผู้คนที่เดินถนนรับใบปลิวจากคนแจกใบปลิวน้อยลง

ฉันก็รับน้อยลงเช่นกัน เพราะประสบการณ์ที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับฉัน..

บางคนอาจจะมีประสบการณ์คล้ายคลึงกับฉันก็ได้ จึงทำให้กลายเป็นคนไม่รับใบปลิว..


ระหว่างที่ฉันกำลังเดินเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า ก็พบกับคนแจกใบปลิวยื่นกระดาษใบปลิวให้ฉัน คิดว่าฉันจะรับไหม??

คำตอบ คือ "ไม่"

แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน "รับแน่นอน"

ทำไมฉันถึงกลายร่างเป็นมนุษย์ไร้ซึ่งน้ำใจแบบนี้? แล้วเมื่อไหร่ใบปลิวจะหมด จะได้เลิกแจก รับค่าจ้าง แล้วก็กลับบ้าน?

อาจจะเพราะว่าฉัน "โดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ" (เอ๊ะ คำพูดแบบนี้ คุ้น ๆ นะ)

สมัยก่อน ไม่ว่าจะเจอใครแจกใบปลิวอะไร ฉันมักจะรับแจกมาเสมอ เพราะคิดว่า คนที่แจกใบปลิวก็เป็นคนทำมาหากินคนหนึ่ง เขากำลังทำงานของเขา หากสามารถแจกใบปลิวได้หมด ก็เท่ากับว่าได้รับค่าจ้าง และการรับใบปลิวมาก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากนัก แค่ยื่นมือไปรับ สนใจก็เก็บไว้ ถือว่าช่วย ๆ กันทำมาหากิน ไม่สนใจก็นำไปทำอย่างอื่น เช่น ใบปลิวที่หน้าหลังเป็นสีขาว หรือเป็นหน้าว่าง ๆ ฉันก็จะเอามาใช้เป็นกระดาษทด

จนกระทั่งวันหนึ่ง

ฉันเดินเพื่อไปต่อรถเมล์ตามปกติ และก็มีคนยื่นใบปลิวให้ แน่นอนว่า ฉันรับมา แล้วก็เดินต่อไป

แต่ปรากฏมือของผู้แจกใบปลิวแตะตัว ห้ามฉันไว้ บอกว่า 20 บาท

ฉันคิดในใจ อะไรนะ 20 บาทเหรอ อะไรกัน ไม่เอา ไม่จ่าย พร้อมกับยื่นใบปลิวที่รับมาให้กับคนที่แจกคนนั้น พร้อมบอกว่า ไม่เอา

แต่คนผู้นั้น กลับตอบพร้อมทำท่าขึงขัง ทำนองหาเรื่อง ว่า "20 บาท ต้องจ่าย เอาไปแล้ว ต้องจ่าย ไม่รับคืน"

ฉันดูแล้วรู้สึกท่าทางไม่ค่อยดี เพราะฉันมาคนเดียว ส่วนคนแจกใบปลิวนั้นมากันกี่คนยังไม่รู้ชัด แถมยังทำท่าขึงขังเหมือนจะทำอันตรายฉัน

ฉันจึงต้องกลั้นใจ ควัก 20 บาทให้กับคนแจกใบปลิวคนนั้น

หลังจากนั้น ไม่ว่าจะเจอคนแจกใบปลิวอะไร ฉันก็จะไม่รับ คงเพราะรู้สึกเข็ดและฝังใจกับประสบการณ์คราวนั้น จะรับก็ต่อเมื่อ ดูแล้วแน่ชัดว่า เป็นใบปลิวแจกฟรี เช่น ใบปลิวคูปองลดราคาของร้านอาหารชื่อดังที่ขายไก่ทอด หรือร้านอื่น ๆ

อีกกรณีที่จะรับ คือ คนแจกใบปลิวประกาศ ณ จุดที่แจกเลยว่า แจกฟรีครับ/ค่ะ และหากบอกด้วยว่าเป็นใบปลิวเกี่ยวกับอะไรด้วยได้ยิ่งอยากรับ

ฉันว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้คนแจกใบปลิวในยุคนี้ต้องพยายามพูดประกาศว่าแจกฟรี และเป็นใบปลิวเรื่องอะไร เป็นเพราะว่าประสบกับปัญหาคือ คนเดินถนนมักไม่ค่อยรับใบปลิวที่ตนแจก อาจจะเพราะคนเดินถนนเหล่านั้นได้พบเจอกับประสบการณ์แบบฉันก็เป็นได้ ใบปลิวยัดเยียดและปล้นเงิน

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

จะเล่าให้คุณฟัง

เมื่อวาน (23 มิ.ย. 58) ไปเดินเล่นที่หอศิลป์ฯ กรุงเทพฯ แล้วได้แวะไปดูหนังสือที่ร้าน Bookmoby

ชอบร้านนี้ตรงที่เป็นร้านเล็ก ๆ มีหนังสือที่ไม่ใช่แนวตลาดเยอะดี ที่ว่าไม่ใช่แนวตลาดก็เช่น หนังสือเกี่ยวกับปรัชญา การเมือง หนังสือแปลที่ให้แนวคิดต่าง ๆ มากกว่าที่จะมีหนังสือจำพวก How to ด้านการลงทุน หุ้น การรวยทางลัด หรือบันเทิงคดีและเรื่องสั้นที่เขียนโดยคนดัง ฯลฯ

เข้าไปเดินแล้วก็ได้หนังสือมาเล่มนึง เป็นเล่มที่สนใจอยากซื้อมานาน แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ซื้อสักที พอดีในหน้า Facebook ของร้าน Bookmoby ได้ถ่ายรูปปกและแนะนำหนังสือเรื่องนี้มา จึงเป็นการเตือนความจำให้นึกถึงว่า เล่มนี้แหละ ที่ตั้งใจจะซื้อมาอ่าน แต่ก็ไม่ได้ซื้อสักที

หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "จะเล่าให้คุณฟัง" เขียนโดย ฆอร์เฆ่ บูกาย แปลโดย เพ็ญพิสาข์ ศรีวรนารถ พิมพ์โดย สำนักพิมพ์ผีเสื้อ

สนใจเล่มนี้เพราะคำโปรยด้านหลังของหนังสือ ว่าเป็นหนังสือที่ช่วยเรื่องจิตใจ ช่วยในการบำบัดจิตใจให้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ แถมผู้เขียนยังเป็นนักจิตบำบัดอีกด้วย ยิ่งทำให้สนใจหนังสือเล่มนี้

เนื้อเรื่องภายในเล่ม เป็นการสนทนาระหว่างนักจิตบำบัดกับผู้เข้ารับการบำบัดทางจิตใจคู่หนึ่ง โดยนักจิตบำบัดผู้นี้มีวิธีการบำบัดที่เป็นเอกลักษณ์ของตน คือ จะเล่านิทานหรือเรื่องเล่าต่าง ๆ ให้ผู้เข้ารับการบำบัดฟัง เพื่อให้ข้อคิดและแง่คิดในเรื่องต่าง ๆ หรือในเรื่องที่ผู้เข้ารับการบำบัด (เดเมียน) ไม่สบายใจ หรือมีปมในใจอยู่

มีหลาย ๆ บทที่ฉันอ่านแล้วรู้สึกว่า ปมในใจของเดเมียนนี่คล้ายหรือเหมือนกับที่ฉันมีเลย และในท้ายของเรื่องเล่าแต่ละเรื่องที่ใช้ในการบำบัด ก็คล้ายกับว่าฉันได้คลายปมในใจไปพร้อม ๆ กับเดเมียน

หนังสือเล่มนี้ น่าจะเหมาะกับใครก็ตามที่รู้สึกว่ามีปมบางอย่างในใจที่ไม่สามารถก้าวข้ามหรือผ่านไปข้างหน้าได้ ปมที่ทำให้ตนเองยึดติดกับอดีต ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า หรือปมบางปมที่ทำให้กลายเป็นคนที่ไม่กล้าที่จะทำสิ่งใด ทำให้ใจหดหู่

ไม่แน่ว่า อ่านแล้ว ปมในใจทั้งหมดของคุณอาจจะค่อย ๆ คลายไป ประหนึ่งว่าได้เข้าไปรับการบำบัดกับนักจิตบำบัดพร้อม ๆ กับเดเมียน



วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Pebble - วันแรกก็โดนซะแล้ว

Update 2!! ได้รับ Pebble ตัวใหม่ที่ทางสำนักงานของ Pebble ส่งมาเปลี่ยนให้แล้ว (10 ก.ค. 58) ได้เป็นเครื่องที่ผลิตในช่วงปี 2014 (ของเก่าที่กล่องเขียน copyright ปี 2013 แต่กล่องใหม่ที่ได้รับมานี้ เขียนปี copyright เป็นปี 2014) ตอนนี้ใช้งานอยู่ ยังไม่พบปัญหา

I've received a Pebble that Pebble support team has sent to me as the replacement unit. My new Pebble was manufactured in 2014 (the old one was 2013)

Now I'm using it and it works great, problem-free!!

=============================

Update!! วันนี้ (24 มิ.ย. 58) ได้รับ e-mail ตอบกลับจาก Pebble แล้ว บอกว่า ได้รับข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วนสำหรับการดำเนินการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้แล้ว และจะแจ้งให้ทราบต่อไป หากกำลังส่งเครื่องที่เปลี่ยนใหม่มาให้

Thank you Pebble support team!!


Today I've got an e-mail from Pebble support team. It said that they already got all information they want for proceed the replacement of my Pebble. They will inform me again if the process has completed.


Thank you Pebble support team!! I'll be waiting my new Pebble.

So excited!!

=============================

เมื่อวาน (18 มิ.ย. 58) ไปซื้อนาฬิกาอัจฉริยะ Pebble มา ด้วยราคา 4,290 บาท

พอกลับบ้านมาก็รีบแกะชื่นชม ลองเล่นนู่นเล่นนี่ไปเรื่อย ๆ

เล่นได้สักพัก หน้าจอก็เกิดอาการแปลก ๆ ขึ้นเป็นเส้น ๆ ลาย ๆ เหมือนทีวีโบราณเวลาไม่มีสัญญาณภาพ

เลยลองหาข้อมูลจาก google ดู พบว่า มีคนเจอปัญหาหน้าจอแบบนี้อยู่เหมือนกัน บางคนก็ลองซ่อมเอง บางคนก็เอาไปเคลม

ส่วนฉัน ขอลองเคลมดูก่อน ว่าจะเคลมได้ไหม เพิ่งซื้อสด ๆ ร้อน ๆ แบบนี้

วันแรกก็ต้องส่งเคลมซะแล้ว ยังไม่ทันได้ใช้เลย

เลยติดต่อไปทาง เว็บไซต์ ของ Pebble เรื่องสินค้ามีปัญหา
ทีนี้ก็รอทาง Pebble ติดต่อกลับมา.. จะเคลมได้มั้ยน้าาาาา...

My Pebble with screen issue.
I've bought Pebble on 18 June 2015 from gadget shop and hurry backed home for unbox it and play with it.

While I played with it, installed some watch faces and apps on my Pebble, the screen of my Pebble started to display something strange. It looks like old TV with white noise when has no signal from TV stations.

Today, I've contacted Pebble support on website and I'm waiting for reply from Pebble staff about what should I do next to claim my Pebble.

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เซ็นทรัลลาดพร้าว หลังปรับปรุงใหม่

Updated: 29 มิ.ย. 2560 ที่โล่งหน้า Tops ชั้นใต้ดิน ที่เคยเป็นที่นั่ง กลายเป็นร้านขนมหวาน QQ ไปแล้วจ้า.. หลงดีใจ นึกว่าจะเป็นที่ให้ลูกค้านั่งพักแบบถาวร..

Updated: ไม่รู้ว่าใครที่เกี่ยวข้องกับเซ็นทรัลลาดพร้าวแอบอ่านผ่านตาหรือเปล่า ณ ตอนนี้ (15 พ.ค. 2560) ทางห้างได้มีการจัดที่นั่งให้ลูกค้ามากขึ้น ทั้งในส่วนชั้นใต้ดินบริเวณหน้า Tops และตามชั้นต่าง ๆ

นับว่าเป็นการพัฒนาที่ดี ฟังเสียงลูกค้าหรือผู้จับจ่ายใช้สอย

ไว้ถ้าที่นั่งหายไปอีก จะเข้ามาบ่นอีกนะ :-)

::เนื้อความเดิม::

หากพูดถึงเซ็นทรัลลาดพร้าว คงกล่าวได้ว่า เป็นห้างที่ฉันรู้สึกผูกพันด้วย เพราะเป็นห้างที่อยู่ในละแวกบ้านของฉัน และฉันได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวที่เซ็นทรัลลาดพร้าวตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กอนุบาล จนถึงปัจจุบันซึ่งทำงานแล้วก็ยังคงไปเดินอยู่ หากนับแล้วก็คงประมาณ 20 กว่าปีได้ ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวเป็นสถานที่ที่ฉันแวะไปเดินเที่ยวบ่อยๆ

ความทรงจำของฉันกับเซ็นทรัลลาดพร้าวมีมากมาย ด้วยเหตุที่เป็นห้างที่อยู่ใกล้บ้าน ทำให้ไม่ว่าจะมาเดินเที่ยวเล่นหรือเลือกซื้อของอะไรก็มักจะมาที่นี่ ที่นี่มี Food center หรือ Food court ที่มีร้านให้เลือกมากมาย ราคาย่อมเยา มีที่นั่งอย่างพอเพียง และมีถึง 2 แห่ง คือ ชั้นบน กับ ชั้นใต้ดินติดกับ Tops Supermarket ที่นี่มี B2S ที่ขายตั้งแต่หนังสือ ซีดีเพลง ซีดีภาพยนตร์ จนไปถึงเครื่องเขียน แถมอยู่ติดกับ Zeen Zone ที่เป็นแผนกขายสินค้าเน้น design และ idea ฉันเข้าๆ ออกๆ ระหว่าง B2S และ Zeen Zone เป็นประจำ เพราะเป็นคนชอบหนังสือและสินค้าที่ออกแบบด้วยแนวคิดแปลกๆ และพื้นที่นั้นกว้างขวาง เดินสบายมาก ส่วนชั้นใต้ดินก็มีร้านขายการ์ตูนหลากหลายร้าน แถมมีหนังสือเก่าขายอีกด้วย ที่นั่งพักก็มีมากมาย โดยเมื่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดิน ฉันมักจะไปนั่งที่ชั้นใต้ดินเพื่อคลายเหนื่อย และกินไอศครีม Dairy Queen ไปด้วย

และแล้วก็ถึงวันที่เซ็นทรัลลาดพร้าวต้องปิดเพื่อปรับปรุงโฉมใหม่ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
ระหว่างที่ปิดปรับปรุง ฉันคิดถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวมาก เพราะเป็นห้างที่เดินบ่อย อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนกลับบ้านต้องผ่านเซ็นทรัลลาดพร้าวทุกวัน ดังนั้น ตอนกลับบ้านจึงได้แวะไปเดินเล่นก่อนกลับบ้านบ่อยๆ ฉันก็ภาวนา ขอให้เมื่อปรับปรุงแล้ว ทุกอย่างดีขึ้น และยังคงเป็นห้างที่ฉันสามารถไปเดินพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างมีความสุขเหมือนเดิม

แต่แน่นอนว่า อะไรที่ปรับปรุงใหม่ ก็ต้องไม่เหมือนเดิม บางอย่างดีขึ้น บางอย่างก็ไม่ถูกใจฉัน แต่ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา และคนเรามักต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น แม้ฉันไม่ชอบก็คงต้องยอมรับ

สิ่งที่ฉันไม่ชอบเลยและคิดว่าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด คือ Food center หรือ Food court ที่เปลี่ยนไปเป็นแผนกหนึ่งที่ติดกับ Tops Supermarket ที่อยู่ชั้นใต้ดิน จาก Food court ที่เต็มไปด้วยร้านให้เลือกมากมาย มีที่นั่งกว้างขวางกลายเป็น Food court ที่แออัด โต๊ะไม่พอนั่ง ประหนึ่งพยายามจะยัดให้มีทุกอย่างภายใต้พื้นที่ที่เล็กและจำกัดเหลือเกิน เมื่อก่อนฉันกินข้าวที่ Food court ของเซ็นทรัลลาดพร้าวบ่อยมาก แต่หลังจากปรับปรุงจนกลายเป็นพื้นที่แออัดอย่างในปัจจุบันแล้ว ฉันกิน Food court ที่นี่นับครั้งได้ เพราะมีที่นั่งไม่เพียงพอ

อีกส่วนหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าแย่ลง คือ เรื่องที่นั่งพัก ก่อนปรับปรุง เซ็นทรัลลาดพร้าวมีที่นั่งให้ฉันได้นั่งพักเยอะกว่าในปัจจุบัน แต่หลังจากปรับปรุงแล้ว ฉันแทบไม่เห็นที่นั่งพัก ที่นั่งพักเหล่านั้นได้กลายสภาพเป็นร้านค้า พร้อมที่นั่ง ประหนึ่งว่าฉันต้องใช้บริการร้านค้าเหล่านั้น ฉันจึงจะมีสิทธิ์นั่งพักในเซ็นทรัลลาดพร้าวได้ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร มาห้างก็ควรจับจ่ายใช้สอยบ้าง ให้ห้างมีเงินหมุนเวียนมาจ่ายค่าแอร์ แต่ฉันรู้สึกว่า ควรจะมีที่นั่งพักมากกว่านี้สักหน่อย ส่วนร้านหนังสือการ์ตูนที่เหลืออยู่ร้านเดียวนั้น เข้าใจว่า ในปัจจุบันหนังสือการ์ตูนขายได้น้อยลง ร้านหนังสือการ์ตูนเลยต้องทยอยปิดหรือย้ายไปที่อื่นที่ค่าเช่าที่ถูกกว่า

การเปลี่ยนแปลงสามารถนำมาได้ทั้งสิ่งที่ดีขึ้นและสิ่งที่อาจแย่ลง สิ่งที่ดีขึ้นหลังปรับปรุงใหม่ คือ ฉันรู้สึกว่าการจัดร้านแบ่งเป็นโซนมากขึ้น เช่น ธนาคาร ก็จะไปรวมกันอยู่ที่บริเวณหนึ่ง ร้านอาหารก็จะไปรวมอยู่ที่บริเวณหนึ่ง หรือร้านขายโทรศัพท์มือถือก็จะไปรวมกันอยู่ที่บริเวณหนึ่ง ทำให้สะดวกมากขึ้นเวลาที่ต้องทำธุรกรรมในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ห้องน้ำก็ดูทันสมัยขึ้นมาก และสวยขึ้นมาก ก๊อกน้ำเป็นระบบเซ็นเซอร์ที่ไม่ต้องใช้มือเปิดปิดก๊อกน้ำ ที่จอดรถที่มีมากขึ้นจากการดัดแปลงดาดฟ้าให้มีหลังคา

นี่เป็นความรู้สึกที่ฉันมีต่อเซ็นทรัลลาดพร้าว หลังปรับปรุง
ถึงจะมีสิ่งที่ไม่ถูกใจนักก็ยังไปเดิน เพราะอยู่ใกล้บ้าน และเป็นทางผ่านเวลากลับบ้าน และระหว่างเดินบางครั้ง ฉันก็รู้สึกคิดถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวในอดีตขึ้นมาเหมือนกัน

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

งานศพ

เมื่อมีใครเสียชีวิต สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคืองานศพ

สำหรับฉัน งานศพคือการพบกันครั้งสุดท้ายก่อนจากลา ระหว่างผู้ตายกับคนรู้จัก

ใครที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน ก็อาจจะได้พบกันในงานนี้

คนที่เคยขัดใจกัน โกรธกัน หรือตัดขาดความสัมพันธ์กัน ก็อาจจะได้พบกันในงานนี้

ทุกคนมาร่วมงานเพื่อให้เกียรติ เพื่อรำลึกความทรงจำ เพื่อระลึกถึงผู้ตาย เพื่อบอกความในใจที่ไม่ได้บอกเมื่อผู้ตายยังมีชีวิต (แต่คงบอกได้เพียงในใจ)

พิธีทางศาสนาจัดขึ้นเพื่อส่งผู้ตายไปยังภพภูมิที่ดี การทำบุญ ถวายปัจจัย การสวด ก็หวังให้ผู้ตายได้รับอานิสงค์ หากภพภูมิมีจริง หากบาปบุญมีจริง หวังว่าผู้ตายจะมีสิ่งติดตัวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางไปภพภูมิใหม่ ไม่หลงทาง ไม่ลำบาก

วันนี้ผู้คนมามากมายเหลือเกิน

คงเป็นเพราะเป็นวันก่อนเผา ซึ่งถือเป็นวันก่อนสุดท้ายที่จะได้พบกับผู้ตาย

ฉันได้พบหมดแล้ว คนที่ฉันอยากเจอ คนที่ไม่คิดว่าจะเจอกันอีก และคนอื่น ๆ

สิ่งที่พวกเขาคิดในใจ ฉันรับรู้หมดแล้ว

คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก

พรุ่งนี้ฉันคงต้องจากทุกคนไปจริง ๆ แล้ว

ขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่มาส่ง

ภพภูมิหน้าจะเป็นอย่างไรนะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นจัง..

***********************
จบ

ต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี

(ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561) สวัสดีทุกคนที่หลงเข้ามานะ วันนี้เราไปต่ออายุใบขับขี่ แบบ 5 ปี (ใบขับขี่เดิมที่หมดอายุเป็นแบบ 5 ปี ไ...